ปัญหาฝ้าในวัยทอง พร้อมแนะนำเลเซอร์รักษาฝ้า

เลือกวิธีเลเซอร์รักษาฝ้าให้มีประสิทธิภาพ

https://www.yotsineeclinic.net/18162847/%E0%B8%9B%E0%B8%B1%E0%B8%8D%E0%B8%AB%E0%B8%B2%E0%B8%9D%E0%B9%89%E0%B8%B2%E0%B9%83%E0%B8%99%E0%B8%A7%E0%B8%B1%E0%B8%A2%E0%B8%97%E0%B8%AD%E0%B8%87-%E0%B8%9E%E0%B8%A3%E0%B9%89%E0%B8%AD%E0%B8%A1%E0%B9%81%E0%B8%99%E0%B8%B0%E0%B8%99%E0%B8%B3%E0%B9%80%E0%B8%A5%E0%B9%80%E0%B8%8B%E0%B8%AD%E0%B8%A3%E0%B9%8C%E0%B8%A3%E0%B8%B1%E0%B8%81%E0%B8%A9%E0%B8%B2%E0%B8%9D%E0%B9%89%E0%B8%B2

ฝ้า เป็นภาวะที่เกิดขึ้นบนผิวหนัง ที่เกิดจากการที่เซลล์สร้างเม็ดสีเมลานินในผิวหนังทำงานมากขึ้น ในผิวหนังจึงมีเม็ดสีหรือเมลานินมากขึ้น สามารถพบได้บ่อยมากในผู้หญิงวัยหมดประจำเดือน หรือ “วัยทอง” โดยฝ้านั้นมักเกิดขึ้นบริเวณใบหน้า ลำคอ และหน้าอก มีลักษณะเป็นจุดหรือแผ่นสีน้ำตาลอ่อนๆ จนถึงสีน้ำตาลเข้ม และมีขนาดที่ไม่เท่ากัน ฝ้าเกิดจากการที่เซลล์ผิวหนังสร้างเม็ดสีเมลานินมากเกินไป นอกจากการเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมนในวัยทองแล้ว ฝ้ายังอาจเกิดได้จากหลายสาเหตุ เช่น การสัมผัสแสงแดดเป็นเวลานาน การตั้งครรภ์ และการใช้ยาบางชนิด เป็นต้น

ถึงแม้ว่าฝ้าจะสามารถเกิดขึ้นได้กับคนทุกเพศทุกวัย แต่สำหรับสตรีวัยทองนั้น เมื่อเกิดฝ้าแล้ว ถือเป็นปัญหาที่สามารถรักษาให้หายขาดได้ยากมาก เพียงแค่การทาครีม หรือการหลีกเลี่ยงแสงแดดก็อาจจะไม่พอ บทความนี้ ยศสินี คลินิก จึงจะมาแนะนำวิธีการรักษาฝ้า ด้วยวิธีเลเซอร์รักษาฝ้า เป็นหนึ่งในวิธีรักษาฝ้าที่มีประสิทธิภาพ ปลอดภัย และได้ผลลัพธ์ที่รวดเร็ว ก่อนอื่นเราไปทำความรู้จักกับ ฝ้าวัยทอง และแนะนำเลเซอร์รักษาฝ้า ประเภทของเลเซอร์กัน

 

ฝ้าในวัยทอง เกิดจากอะไร?

ฝ้าในวัยทอง หรือ ฝ้าฮอร์โมน เป็นภาวะที่เกิดขึ้นกับผู้หญิงในวัยหมดประจำเดือน โดยมักจะเกิดขึ้นในช่วงอายุ 40-50 ปี ซึ่งเป็นช่วงที่ระดับฮอร์โมนเอสโตรเจนและโปรเจสเตอโรนลดลงอย่างรวดเร็ว โดยมีสาเหตุหลายประการด้วยกัน ได้แก่

  • การเปลี่ยนแปลงของระดับฮอร์โมน : ระดับฮอร์โมนเอสโตรเจนและโปรเจสเตอโรนที่ลดลงในวัยหมดประจำเดือนอาจกระตุ้นให้เกิดการผลิตเม็ดสีเมลานินมากขึ้น ซึ่งเป็นสาเหตุของการเกิดฝ้า
  • อายุ : การเพิ่มขึ้นของอายุเป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่ทำให้เกิดฝ้าได้ เนื่องจากเมื่ออายุมากขึ้น ผิวหนังจะบางลงและสูญเสียความยืดหยุ่น ทำให้เกิดริ้วรอยและจุดด่างดำได้ง่ายขึ้น
  • ร่างกายผลิตสารต้านอนุมูลอิสระได้น้อยลง : ทำให้ผิวเสื่อมโทรม เกิดริ้วรอย และฝ้าได้ง่ายขึ้น
  • แสงแดด : การสัมผัสกับแสงแดดโดยตรง โดยที่ไม่ทาครีมกันแดด เป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่กระตุ้นให้เกิดฝ้าได้ เนื่องจากรังสียูวีในแสงแดดสามารถกระตุ้นให้เกิดการผลิตเม็ดสีเมลานินมากขึ้น
  • ปัจจัยอื่นๆ : เช่น พันธุกรรม ความเครียด การนอนหลับพักผ่อนไม่เพียงพอ

 

ลักษณะของฝ้าในวัยทอง

ฝ้า มีอยู่ด้วยกันหลายลักษณะ หลายประเภท แต่สำหรับฝ้าในวัยทองนั้นจะมีลักษณะ ดังนี้

  • มักมีสีน้ำตาลเข้มกว่าฝ้าทั่วไป
  • กระจายตัวเป็นวงกว้าง บริเวณโหนกแก้ม หน้าผาก เหนือริมฝีปาก จมูก
  • เกิดได้ง่ายขึ้น แม้จะไม่ได้สัมผัสแสงแดดโดยตรง
  • รักษาได้ยากกว่าฝ้าทั่วไป หากต้องการรักษาฝ้า จะต้องพึ่งเทคนิคทางการแพทย์เท่านั้น

 

การป้องกันฝ้าในวัยทอง

  • หลีกเลี่ยงแสงแดด โดยทาครีมกันแดดที่มีค่า SPF 30 ขึ้นไป เป็นประจำทุกวัน
  • สวมหมวก ปิดกั้นใบหน้าจากแสงแดด
  • ทานอาหารที่มีสารต้านอนุมูลอิสระ เช่น ผัก ผลไม้
  • พักผ่อนให้เพียงพอ
  • ควบคุมความเครียด
  • งดสูบบุหรี่ และดื่มแอลกอฮอล์

 

การรักษาฝ้าในวัยทองด้วยตนเอง

หากใครที่กำลังก้าวเข้าสู่วัยทอง อาจจะยังไม่ได้มีปัญหาเรื่องฝ้ามากนัก ก็สามารถใช้วิธีการรักษาฝ้าเบื้องต้นได้ ด้วยการใช้ยารักษาฝ้า

ยารักษาฝ้า ในปัจจุบันมักจะมาในรูปแบบของสกินแคร์ ที่มีลักษณะเป็นเนื้อครีม เซรั่ม หรือโลชั่น ที่สามารถทาแทนครีมบำรุงผิวในชีวิตประจำวันได้ โดยยารักษาฝ้านั้นจะมีส่วนผสมของสารที่ช่วยยับยั้งเอนไซม์ไทโซซิเนส (Tyrosinase) ที่เป็นส่วนสำคัญในการสร้างเม็ดสีเมลานินในผิวของเรา โดยสารที่มีคุณสมบัติในการยับยั้งเอนไซม์ไทโซซิเนส ได้แก่

  • สารไฮโดรควิโนน (Hydroquinone)
  • สารเตรทติโนอิน (Tretinoin)
  • ยาสเตียรอยด์ที่มีความแรงในระดับปานกลาง
  • กรดอะซีลาอิก (Azelaic Acid)
  • ซีสทีอามีน (Cysteamine)
  • กรดโคจิก (Kojic Acid)
  • กรดแอสคอร์บิก (Ascorbic Acid)
  • เมไทมาโซล (Methimazole)
  • กรดทรานเอกซามิก (Tranexamic Acid)
  • ยาสเตียรอยด์ไฮโดรคอร์ติโซน (Hydrocortisone)
  • สารสกัดจากถั่วเหลือง (Soybean Extract)
  • กลูตาไธโอน (Glutathione)

ในการรักษาฝ้าด้วยการทายานั้น มักจะมีผลข้างเคียงต่างๆ ตามมาเสมอ เช่น ผิวอาจจะมีการแห้ง ลอก ขึ้นอยู่กับความเข้มข้นของตัวยา อีกทั้งยังมีระยะการเห็นผลที่แตกต่างกันออกไปอีกด้วย ดังนั้น จึงไม่สามารถการันตีได้ว่าต้องใช้เวลานานเท่าไหร่จึงจะรักษาฝ้าให้หายขาดได้ เพราะฉะนั้น ควรได้รับคำแนะนำและการดูแลอย่างใกล้ชิดจากแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเท่านั้น

 

การรักษาฝ้าในวัยทองด้วยหัตถการทางการแพทย์ ที่ ยศสินี คลินิก

หัตถการทางการแพทย์ที่สามารถทำเพื่อรักษาฝ้าได้ ก็มักจะเป็นการผลัดเซลล์ผิว การทำทรีตเมนต์ หรือการใช้สารเคมีขจัดผิวหนังชั้นนอกออก แต่ที่ได้รับความนิยมมากที่สุดนั้นได้แก่ การเลเซอร์รักษาฝ้า ซึ่งถือเป็นอีกหนึ่งเทคโนโลยีทางการแพทย์ที่สามารถดูแลปัญหาผิวได้อย่างหลากหลาย

เลเซอร์รักษาฝ้า คือ การใช้แสงเลเซอร์ที่มีความเข้มข้นสูงในการกำจัดเม็ดสีเมลานินส่วนเกินที่เป็นสาเหตุของฝ้า โดยเลเซอร์จะเข้าไปทำลายเซลล์ที่ผลิตเม็ดสีเมลานินโดยตรง ทำให้ฝ้าจางลงและผิวกลับมาสม่ำเสมอ โดยเลเซอร์รักษาฝ้ามีอยู่ด้วยกันหลายประเภท แต่ละประเภทมีข้อดีข้อเสียแตกต่างกันไป ดังนี้

  • เลเซอร์ Q-switched Nd:YAG เป็นเลเซอร์ที่นิยมใช้รักษาฝ้ามากที่สุด เนื่องจากมีประสิทธิภาพสูงและมีความปลอดภัย โดยเลเซอร์จะปล่อยแสงออกมาเป็นพัลส์สั้นๆ ที่มีความเข้มข้นสูง ทำให้สามารถกำจัดเม็ดสีเมลานินได้อย่างแม่นยำโดยไม่ทำลายผิวหนังบริเวณโดยรอบ

  • เลเซอร์ IPL (Intense Pulsed Light) เป็นเลเซอร์ที่ใช้แสงความเข้มข้นสูงหลายๆ ชนิดในการรักษาฝ้า โดยเลเซอร์จะปล่อยแสงออกมาเป็นพัลส์สั้นๆ ที่มีความยาวคลื่นต่างๆ กัน ทำให้สามารถกำจัดเม็ดสีเมลานินได้อย่างหลากหลาย โดยเลเซอร์ IPL มีความปลอดภัยสูงและไม่ค่อยทำให้เกิดผลข้างเคียง

เลเซอร์รักษาฝ้า สามารถช่วยลดเลือนรอยฝ้า ทำให้ผิวหน้ากระจ่างใส ขาวเนียนขึ้น แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น ผลลัพธ์ของการรักษาอาจแตกต่างกันไปในแต่ละบุคคล ขึ้นอยู่กับปัจจัยต่างๆ เช่น ชนิดของฝ้า ความลึกของรอยฝ้า สภาพผิว และการดูแลหลังการรักษา

ฝ้าในวัยทอง เป็นปัญหาที่พบได้บ่อย ผู้หญิงวัยทองควรดูแลสุขภาพผิว ป้องกันแสงแดด ทานอาหารที่มีประโยชน์ และปรึกษาแพทย์ผิวหนังเพื่อหาแนวทางการรักษาที่เหมาะสม ควบคู่กับการดูแลตัวเอง ฝ้าก็จะจางลง ใบหน้ากลับมาขาวกระจ่างใสอีกครั้ง


ติดต่อ ยศสินี คลินิก

https://www.yotsineeclinic.net/
Phone : +66 (0)2 458 2836,
E-mail : yotsineeclinic@gmail.com