เลเซอร์รักษาหลุมสิว ต่างจากการฉีดเติมหลุมสิวอย่างไร
เลเซอร์รักษาหลุมสิว VS ฉีดเติมหลุมสิว: เทคนิคการรักษาที่แตกต่างและความเหมาะสมสำหรับแต่ละบุคคล
ปัญหาหลุมสิวเป็นปัญหาที่เกิดขึ้นง่ายแต่รักษาให้หายได้ยาก เพราะเมื่อเกิดปัญหาบนใบหน้าแล้ว โอกาสที่ผิวหน้าจะฟื้นฟูตัวเองจนกลับมาเรียบเนียนดังเดิมนั้นเป็นไปได้ยาก หลายคนจึงเลือกรักษาหลุมสิวกับแพทย์ชำนาญการโดยตรง ซึ่งจะช่วยให้รักษาหลุมสิวได้อย่างปลอดภัยและมีประสิทธิภาพสูง จนกลับมามีผิวหน้าเรียบเนียนช่วยเสริมความมั่นใจได้เป็นอย่างดี
ปัจจุบันมีวิธีการรักษาหลุมสิวหลากหลายวิธี แต่วิธีที่ได้รับความนิยมมากที่สุด คือการทำเลเซอร์รักษาหลุมสิว ซึ่งเป็นวิธีในการรักษาหลุมสิวที่ทำให้ผิวกลับมาเรียบเนียนได้อย่างรวดเร็ว โดยนอกจากวิธีเลเซอร์แล้ว หลายคนคงเคยได้ยินอีกวิธีหนึ่ง นั่นคือ การฉีดเติมหลุมสิว ที่ได้รับความนิยมไม่แพ้กัน
ยศสีนี คลินิก จะพาไปดูความแตกต่างระหว่างการทำเลเซอร์รักษาหลุมสิวและการฉีดเติมหลุมสิว แต่ละวิธีนั้นมีคุณสมบัติอย่างไร เหมาะกับใคร และมีข้อดีข้อเสียอย่างไรบ้าง
การรักษาหลุมสิวที่มีประสิทธิภาพนั้น จะต้องเลือกวิธีการรักษาที่เหมาะกับสภาพความรุนแรงของปัญหาหลุมสิวของแต่ละบุคคล ทั้งการรักษาด้วยวิธีเลเซอร์รักษาหลุมสิวและการฉีดเติมหลุมสิว เพราะในการเลือกรักษาหลุมสิวที่แตกต่างกัน ทำให้มีรายละเอียดหรือเทคนิคทางการรักษาที่แตกต่างกันออกไปด้วย
- การทำเลเซอร์รักษาหลุมสิว คืออะไร ใครทำได้บ้าง
- กระบวนการทำงานของเลเซอร์รักษาหลุมสิว
การรักษาหลุมสิววิธีนี้ จะใช้เลเซอร์หรือคลื่นแสงที่มีความยาวคลื่นแตกต่างกัน ยิงไปยังบริเวณหลุมสิวเพื่อทำลายพังผืดบริเวณก้นหลุมสิว และให้สามารถสร้างเซลล์ผิวใหม่ขึ้นมาได้ ซึ่งพังผืดที่ปกคลุมหลุมสิวอยู่นั้นเป็นสาเหตุให้เซลล์ผิวไม่สามารถสร้างคอลลาเจนมาเติมให้ผิวกลับมาเรียบเนียนดังเดิมได้
โดยในระหว่างการสร้างเซลล์ผิวขึ้นมาใหม่ เลเซอร์รักษาหลุมสิวจะทำการกระตุ้นให้เกิดการสร้างคอลลาเจนให้สร้างเนื้อเยื่อใหม่อย่างรวดเร็ว จึงทำให้การรักษาหลุมสิวด้วยเลเซอร์นั้นมีประสิทธิภาพสูง มีความปลอดภัย และสามารถใช้งานได้กับเคสปัญหาหลุมสิวที่หลากหลาย เลเซอร์ที่นิยมใช้ในการรักษาหลุมสิวได้แก่ Fraxe, Fine Scan, Fractional, Pico Laser, e-matrix, Fractional Co2 Laser - การทำเลเซอร์รักษาหลุมสิวเหมาะกับใครบ้าง
การทำเลเซอร์รักษาหลุมสิวนั้นมีประสิทธิภาพสูงและมีความปลอดภัย สามารถรักษาหลุมสิวได้ทุกระดับความรุนแรง จึงเหมาะกับผู้ที่มีปัญหาหลุมสิวมาเป็นระยะเวลาเกิน 1 ปี ที่มีระดับความลึกของหลุมสิวปานกลาง-ลึก และมีแนวยาว จะช่วยให้เกิดประสิทธิภาพได้ดีในราคาที่คุ้มค่า แต่ยิ่งมีความลึกของหลุมสิวมาก จะยิ่งใช้ระยะเวลาในการรักษามากขึ้น
ปกติแล้วจะมีการทำเลเซอร์รักษาหลุมสิวประมาณ 3-5, 5-10 ครั้ง ซึ่งขึ้นอยู่กับลักษณะของหลุมสิวของแต่ละบุคคล แต่การทำเลเซอร์รักษาหลุมสิวก็ยังสามารถนำไปใช้กับผู้ที่มีปัญหาหลุมสิวไม่นานหรือมีรอยหลุมสิวตื้นได้ แต่จะต้องเลือกประเภทของเลเซอร์รักษาหลุมสิวให้ถูกต้องโดยแพทย์ชำนาญการ เช่น การใช้เลเซอร์แบบ Fractional CO2 ที่มีความรุนแรงไม่มาก เป็นต้น
นอกจากนี้การทำเลเซอร์สิวยังเหมาะกับผู้ที่มีระยะเวลาในการพักฟื้นผิวหน้า เพราะในการทำเลเซอร์แต่ละครั้งจะเกิดการระคายเคืองผิวและต้องพักฟื้นใบหน้า ด้วยการหลีกเลี่ยงแสงแดด และการดูแลรักษาอื่น ๆ จึงไม่เหมาะกับผู้ที่ต้องการใช้ใบหน้าทันทีแบบเร่งด่วน - ข้อดีของการทำเลเซอร์รักษาหลุมสิว
- ไม่ส่งผลเสียกับเนื้อเยื่อโดยรอบ: เพราะเลเซอร์รักษาหลุมสิวสามารถปรับความยาวคลื่นที่แตกต่างกัน เพื่อให้ส่งผลกับเนื้อเยื่อเฉพาะส่วน จึงเป็นการรักษาหลุมสิวได้อย่างตรงจุด
- เห็นผลไว: การทำเลเซอร์รักษาหลุมสิวสามารถเห็นผลได้ตั้งแต่ครั้งแรกที่เริ่มทำ แต่เพื่อประสิทธิภาพที่ดี ควรเลเซอร์รักษาหลุมสิวเดือนละ 1-2 ครั้ง หรือทุกสัปดาห์ ซึ่งขึ้นอยู่กับสภาพผิวหน้าและลักษณะของหลุมสิวของแต่ละบุคคล
- ลดปัญหารูขุมขนกว้าง: เนื่องจากการเลเซอร์รักษาหลุมสิวเป็นการกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนเพื่อให้เกิดเซลล์ใหม่ จึงช่วยให้ผิวชั้นบนเรียบเนียน และส่งผลให้รูขุมขนแคบลงไปด้วย
- การลดรอยแดงและรอยดำ: เลเซอร์รักษาหลุมสิวช่วยลดการผลิตและกระตุ้นการย่อยสลายของเม็ดสีผิวที่ทำให้เกิดรอยแดงและรอยดำจากหลุมสิวได้
- รักษาหลุมสิวได้ทุกระดับความรุนแรงในขั้นตอนเดียว หากเลือกใช้เลเซอร์ให้ถูกประเภท ไม่จำเป็นต้องทำการรักษาร่วมกับวิธีอื่น
- ไม่เกิดผลข้างเคียงที่เป็นอันตรายต่อผิวและร่างกาย
- ไม่ส่งผลเสียกับเนื้อเยื่อโดยรอบ: เพราะเลเซอร์รักษาหลุมสิวสามารถปรับความยาวคลื่นที่แตกต่างกัน เพื่อให้ส่งผลกับเนื้อเยื่อเฉพาะส่วน จึงเป็นการรักษาหลุมสิวได้อย่างตรงจุด
- ข้อเสียของการทำเลเซอร์รักษาหลุมสิว
- อาจส่งผลให้เกิดการระคายเคือง ผิวหนังแดงลอก ผิวแห้ง หรือเกิดการตกสะเก็ดหลังจากรักษาได้ ซึ่งต้องใช้เวลาพักฟื้นสักระยะ รวมถึงให้หลีกเลี่ยงการเจอแสงแดด และควรทาครีมกันแดดเป็นประจำ
- ภายหลังการทำเลเซอร์รักษาหลุมสิวใบหน้าบวมบ้างเล็กน้อย แนะนำให้ประคบหน้าเพื่อช่วยให้อาการดีขึ้น
- ผู้ที่มีผิวบางหรือแพ้ง่าย จะต้องปรึกษากับแพทย์แพทย์ชำนาญการก่อน เพราะอาจเกิดการระคายเคืองได้มากกว่าและอาจต้องใช้วิธีการพักฟื้นยาวนานกว่าคนทั่วไป
- การใช้เลเซอร์รักษาหลุมสิวไม่เหมาะกับผู้ที่ต้องการใช้หน้าทันที และอาจไม่เหมาะกับผู้ที่มีสีผิวเข้ม เพราะอาจทำให้เกิดรอยดำหลังการรักษา จึงควรปรึกษาแพทย์ก่อนตัดสินใจ
- การทำเลเซอร์รักษาหลุมสิวอาจไม่เหมาะกับผู้ที่มีปัญหาหลุมสิวในทุกสีผิว เพราะหลังการทำการรักษาหลุมสิว อาจทำให้สีผิวบริเวณที่รักษากับสีผิวเดิมมีสีที่ไม่เท่ากัน และเกิดความไม่เป็นธรรมชาติได้ จึงควรปรึกษาแพทย์ก่อนตัดสินใจ
- อาจส่งผลให้เกิดการระคายเคือง ผิวหนังแดงลอก ผิวแห้ง หรือเกิดการตกสะเก็ดหลังจากรักษาได้ ซึ่งต้องใช้เวลาพักฟื้นสักระยะ รวมถึงให้หลีกเลี่ยงการเจอแสงแดด และควรทาครีมกันแดดเป็นประจำ
- กระบวนการทำงานของเลเซอร์รักษาหลุมสิว
- การรักษาหลุมสิวแบบการฉีดเติมหลุมสิว คืออะไร และเหมาะกับใคร
- กระบวนการทำงานรักษาหลุมสิวแบบการฉีดเติมหลุมสิว
กระบวนการรักษาหลุมสิวที่รู้จักกันในชื่อของ “ฉีดฟิลเลอร์เติมหลุมสิว” มีชื่อเต็มคือ การฉีดฟิลเลอร์สกินบูสเตอร์ โดยเป็นการฉีดสารเติมเต็มสารประเภทวิตามินกระตุ้นคอลลาเจน (Hyaluronic acid) เข้าไปยังบริเวณหลุมสิว เพื่อรักษาให้หลุมสิวให้ดูตื้นขึ้นได้อย่างรวดเร็ว และไม่เป็นอันตรายต่อร่างกาย - รักษาหลุมสิวด้วยการฉีดเติมหลุมสิวเหมาะกับใครบ้าง
การรักษาหลุมสิวด้วยวิธีฉีดฟิลเลอร์หรือการฉีดเติมหลุมสิวนั้น เหมาะกับผู้ที่มีปัญหาหลุมสิวตื้นถึงปานกลาง หรือผู้ที่มีปัญหาหลุมสิวไม่เกินระยะเวลา 1 ปี เพราะจะทำให้บริเวณพังผืดที่ก้นหลุมสิวยังไม่เกาะตัวอย่างเหนียวแน่น จนขัดขวางการกระตุ้นคอลลาเจนบริเวณเซลล์ผิวหน้า ซึ่งหากผู้ที่มีปัญหาหลุมสิวที่มีความลึกนั้น จะต้องทำการรักษาหลุมวิธีการอื่นร่วมด้วย และต้องมีประสบการณ์ของแพทย์ชำนาญการอีกด้วย
นอกจากนี้ยังเหมาะกับผู้ที่ต้องการรักษาหลุมสิวที่มีประสิทธิภาพคงที่ และเห็นผลไว ไม่ต้องใช้เวลาพักฟื้นที่ยาวนั้น และเมื่อฉีดแล้วก็สามารถเห็นผลลัพธ์ว่าหลุมสิวตื้นขึ้นได้ทันที อีกทั้งยังใช้ระยะเวลาในการรักษาไม่ยาวนาน ขึ้นอยู่กับลักษณะของหลุมสิวของแต่ละบุคคล - ข้อดีของการรักษาหลุมสิวด้วยการฉีดเติมหลุมสิว
- เห็นผลทันที 70%: หลังทำการรักษาหลุมสิวด้วยการฉีดเติมหลุมสิวในครั้งแรก ผู้รับการรักษาจะสังเกตเห็นว่าหลุมสิวดูตื้นขึ้นได้ประมาณ 70% ซึ่งช่วยเพิ่มความกระชับให้ผิวเรียบเนียนขึ้น
- ใช้ชีวิตประจำวันได้ตามปกติ: การรักษาหลุมสิวด้วยการฉีดเติมหลุมสิวนั้น จะไม่ทิ้งรอยแผลไว้ยังบริเวณที่ทำการฉีด จึงสามารถใช้ชีวิตประจำวันได้ปกติ ไม่ต้องรอการพักฟื้น และผิวไม่เกิดการระคายเคือง สามารถพบเจอแสงแดดได้ตามปกติ
- คงผลลัพธ์ได้ยาวนาน: สำหรับผู้ที่มีปัญหาหลุมสิวไม่รุนแรงหรือเป็นหลุมสิวไม่เกิน 1 ปี สามารถคงผลลัพธ์การรักษาได้นานประมาณ 6-12 เดือน ไม่ต้องใช้ความถี่ในการรักษาหลุมสิวมากนัก ทำเพียงปีละ 1-2 ครั้งก็คงประสิทธิภาพที่ดีได้
- เห็นผลทันที 70%: หลังทำการรักษาหลุมสิวด้วยการฉีดเติมหลุมสิวในครั้งแรก ผู้รับการรักษาจะสังเกตเห็นว่าหลุมสิวดูตื้นขึ้นได้ประมาณ 70% ซึ่งช่วยเพิ่มความกระชับให้ผิวเรียบเนียนขึ้น
- ข้อเสียของการรักษาหลุมสิวด้วยการฉีดเติมหลุมสิว
- สามารถรักษาหลุมสิวได้บางกรณี: การรักษาด้วยการฉีดเติมหลุมสิวนั้นจะเหมาะกับผู้ที่มีระดับความรุนแรง หรือมีความลึกของหลุมสิวไม่มาก ส่วนผู้ที่มีปัญหาหลุมสิวลึกจะไม่เหมาะกับการรักษาด้วยวิธีนี้
- อาจมีอาการบวมแดงชั่วคราว: ภายหลังจากการรักษาหลุมสิวด้วยการฉีดเติมหลุมสิวนั้น อาจเกิดอาการบวมแดงได้ ขึ้นอยู่กับแต่ละบุคคล แต่จะสามารถดีขึ้นได้เองเมื่อเวลาผ่านไป
- ผลลัพธ์ไม่ถาวร จึงต้องทำซ้ำตามความจำเป็น: หากเทียบกันแล้ววิธีการรักษาหลุมสิวแบบการฉีดเติมหลุมสิวนั้นให้ผลลัพธ์ที่ไม่ถาวรเท่ากับวิธีเลเซอร์หลุมสิว จึงต้องทำให้มีการทำซ้ำเพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่คงที่และมีประสิทธิภาพ
- บางกรณีต้องใช้การรักษาหลุมสิวประเภทอื่นร่วมด้วย: หากเป็นปัญหาหลุมสิวที่มีความรุนแรง จะต้องรักษาร่วมกับวิธีการรักษาอื่น ๆ มาก่อน หรือหากทำการรักษาหลุมสิวไปพร้อมกันนั้น จะต้องใช้แพทย์ที่มีความเชี่ยวชาญสูง เช่น การตัดพังผืดหลุมสิวด้วยการใช้ความระมัดระวังในการเลาะพังผืดไปพร้อม ๆ กับการฉีดสารเติมเต็มเข้าไป
- สามารถรักษาหลุมสิวได้บางกรณี: การรักษาด้วยการฉีดเติมหลุมสิวนั้นจะเหมาะกับผู้ที่มีระดับความรุนแรง หรือมีความลึกของหลุมสิวไม่มาก ส่วนผู้ที่มีปัญหาหลุมสิวลึกจะไม่เหมาะกับการรักษาด้วยวิธีนี้
- กระบวนการทำงานรักษาหลุมสิวแบบการฉีดเติมหลุมสิว
จะเห็นได้ว่าการรักษาหลุมสิวด้วยวิธีการเลเซอร์หลุมสิวและวิธีการฉีดเติมหลุมสิวนั้น มีวิธีการในการรักษาและมีความเหมาะสมแตกต่างกันไป ตามลักษณะและความรุนแรงของหลุมสิวแต่ละบุคคล รวมไปถึงข้อจำกัดของผู้ที่มีปัญหาหลุมสิวต่าง ๆ เช่น ผู้ที่มีผิวบาง หรือผู้ที่ต้องการใช้หน้าทันทีก็อาจไม่เหมาะกับการเลือกใช้วิธีเลเซอร์รักษาหลุมสิว เช่นเดียวกับผู้ที่ต้องการเน้นประสิทธิภาพด้วยการรักษาให้หายและมีผลลัพธ์ที่ถาวร ก็ไม่ควรเลือกใช้วิธีการฉีดเติมหลุมสิว เป็นต้น
เราไม่อาจบอกได้ว่าวิธีการรักษาหลุมสิวแบบไหนที่ดีกว่ากัน หรือคุ้มค่ากว่ากัน เพราะปัจจัยต่าง ๆ จะขึ้นอยู่กับข้อจำกัดของแต่ละบุคคลนั่นเอง สิ่งสำคัญก่อนเลือกวิธีการรักษาหลุมสิวคือ ควรต้องปรึกษาแพทย์ชำนาญการ เพื่อตรวจสอบระดับความรุนแรงของปัญหาหลุมสิว และคัดสรรวิธีการรักษาที่เหมาะสมที่สุดด้วย
หากคุณกำลังมองหาคลินิกรักษาผิวพรรณและบำรุงหน้าที่มีความเชี่ยวชาญ ยศสินีคลินิกเรามีประสบการณ์ยาวนานกว่า 17 ปี ที่มีแพทย์ชำนาญการสามารถให้คำปรึกษาและทำการรักษาหลุมสิวที่มีประสิทธิภาพสูงสุด ซึ่งเรามีบริการที่ครอบคลุมและมีวิธีการรักษาหลากหลายวิธี เพื่อช่วยตอบโจทย์ทุกความต้องการของคุณได้เป็นอย่างดี